หนุ่มหนีตาย ถูกผู้มีอิทธิพลขู่ฆ่า อึ้งหนัก ตำรวจบอกให้มาร้อง “สายไหมต้องรอด”

Author:

หนุ่มชาวกระบี่ นั่งรถทัวร์หนีตายจากเกาะยาวใหญ่ จ.พังงา เข้ากรุงเทพฯ ร้องสายไหมต้องรอด หลังถูกผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ลากปืนเอ็ม 16 ไล่ล่ายิงขู่หน้าห้องพัก ปมเหตุแค่เตือนขับรถกินเลน อึ้งหนักเจอตำรวจยกมือไหว้คู่กรณี แถมบอกให้มาร้องเพจสายไหมฯ เนื่องจากตำรวจในพื้นที่คงช่วยอะไรไม่ได้ ด้าน “เอกภพ” เตรียมประสาน “ผู้ว่าฯ-ผู้การจังหวัด” ติดตามคดี

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 สิงหาคม 2567 ที่สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 นายเกียรติภูมิ เกบุตร อายุ 23 ปี ชาว จ.กระบี่ พนักงานโรงแรม เข้าขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังนั่งรถทัวร์หนีตายมาจากเกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา เนื่องจากถูกผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ขู่ฆ่า

นายเกียรติภูมิ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนขี่รถ จยย.อยู่ใกล้ที่พัก ได้มีรถคู่กรณีขับมาเกือบเฉี่ยวชน ตนจึงว่ากล่าวเตือน เนื่องจากคู่กรณีอายุน้อยและขับรถสวนกินเลนเข้ามาในช่วงทางโค้ง แต่คู่กรณีไม่พอใจ จึงไปเรียกพ่อซึ่งอยู่บริเวณนั้นพอดี และเมื่อพ่อของคู่กรณีมาถึง ได้ให้ลูกชายขอโทษตน ตนจึงพูดเตือนอีกครั้งหนึ่งว่าให้ขับรถอย่างระมัดระวังต่อหน้าพ่อ ทำให้พ่อไม่พอใจ เพราะถูกมองว่าไปสอนทั้งที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ทำให้เกิดปากเสียงและชกต่อยกัน และมีการใช้อาวุธมีดวิ่งไล่แทงไปจนถึงห้องพักพนักงาน จากนั้นคู่กรณียังกลับไปเอาอาวุธปืน เอ็ม 16 ย้อนกลับมาที่ห้องพัก มาไล่ล่าและยิงปืนขู่ที่หน้าห้องพัก

ตนได้แจ้งตำรวจ สภ.เกาะยาว ตั้งแต่เกิดเหตุชกต่อยกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้ามาระงับเหตุ แต่เขาทำได้เพียงยุติความขัดแย้งเบื้องต้น เมื่อมาเจอกับพ่อของเด็กคู่กรณี สิ่งแรกที่ตำรวจทำคือ ยกมือไหว้ขอให้ยุติเรื่อง ทั้งที่เห็นว่าพ่อของเด็กถือปืนเอ็ม 16 อยู่ในมือ แต่กลับไม่ได้มีการดำเนินการตามกฎหมายแต่อย่างใด พร้อมกับแนะนำให้ตนหลบไปอยู่ในที่ปลอดภัย และยังบอกด้วยว่าให้มาขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอดที่กรุงเทพฯ เนื่องจากตำรวจในพื้นที่คงช่วยอะไรไม่ได้

“ตอนนี้ตนรู้สึกเป็นห่วงลูกและภรรยา ที่ขณะนี้ยังอยู่ที่เกาะยาว เพราะคู่กรณีประกาศขู่จะเอาชีวิตตนให้ได้ คู่กรณียังเคยต้องคดีพยายามฆ่ามาแล้ว เนื่องจากก่อเหตุยิงคนบนเกาะ”

ด้านเอกภพ กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนในพื้นที่ที่นักการเมืองยังต้องเกรงใจ แต่ตนมองว่ามันอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และนำอาวุธสงครามมายิงข่มขู่ชาวบ้าน หลังจากนี้ตนจะประสานไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา และผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เพื่อติดตามคดีในพื้นที่ และในวันที่ 5 ส.ค. ตนจะพาผู้เสียหายไปเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยาน ที่กระทรวงยุติธรรม พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่าหากกรณีนี้จับกุมผู้ก่อเหตุไม่ได้ เดี๋ยวตนจะเอาปี๊บไปให้ที่จังหวัดพังงา ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *